เที่ยบแบบเต็มๆ ที่มะละกา มาเลเซีย


วันนี้ผมจะมาแบ่งปันประสปการณ์ในการเที่ยวเมืองมะละกา (Melaka) มาเลเซีย ให้เพื่อนๆได้ฟังกันครับ โดยทริปนี้ ผมมีโอกาศได้ไปทำงานประมาณ 2 อาทิตย์ แต่ครั้งแรกที่ได้ไป คือไปกับเพื่อนชาวมาเลเซีย โดยเป็นทริปสั้นๆ ไปเช้า เย็นกลับ จึงไม่ได้ดูถนนคนเดิน (Jonker walk) ยามค่ำคืน โดยถนนแห่งนี้จะถึอว่าเป็นเสน่ห์ของเมืองเลยก็ว่าได้ แต่ครั้งนี้ถึอว่าอยู่ตั้งแต่เช้าจนถึงดึกเลยก็ว่าได้ ทำให้ได้มีโอกาศเดินชมเกือบทั่วเมืองเลยครับ ซึ่งสถานที่ๆ ผมไปก็มีหลายๆที่ แต่ผมจะแนะนำที่ๆ นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรุป และเช็คอินกันครับ

โบสถ์คริสต์มะละกา

เมื่อเดินทางถึงมะละกาแล้ว สิ่งแรกที่หลายๆคนอยากจะไปถ่ายรูปคือ โบสถ์คริสต์มะละกา ที่นี่เป็นสถานที่ๆรวมศิลปวัฒนธรรมของชาติตะวันตกและตะวันออกของประเทศมาเลเซีย


                                                 จุดเช็คอินของเมืองที่ตั้งอยู่หน้าโบสถ์


ภายในโบสถ์จะมีเก้าอี้นั้งฟังตัวยาวๆ ทำมาจากไม้ สภาพสมบูรณ์


บริเวณด้านหน้า จะมีรถสามร้อแต่งลาดลายสวยเป็นการ์ตูนน่ารักๆ ไว้ให้บริการชมรอบตัวเมือง

พิพิธภณฑ์สถานและพิพิธภณฑ์ทางทะเล

ใกล้กับโบสถ์คริสต์ เราจะมองเห็นเรือสำเภาจำลองลำใหญ่ๆ ชื่อว่า Flora De La Mar จะเป็นพิพิธภณฑ์สถานและพิพิธภณฑ์ทางทะเล (Malaka Maritime Museum)

โดยในอดีตเป็นเรือที่ใช้ขนสมบัติจากพระราชวังสุลต่านในเมืองมะละกา แต่เกิดอับปาง บริเวณตอนเหนือนอกชายฝั่งของเกาะสุมาตรา เพราะว่าได้บรรทุกน้ำหนักเกินไป

แต่เนื่องจากคนเยอะเกินไป ผมจำงไม่ได้เข้าชทครับ มีแต่รูปภายนอกมาฝากกัน


วันจันทร์ - วันพฤหัส เวลา 9:00 - 17:00 น. และ วันศุกร์ - วันอาทิตย์ เวลา 9:00 - 20:30 น.

ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ RM6
เด็กอายุ 6-12 ปีขึ้นไป RM1
เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าชมฟรี

โบสถ์เซนต์ฟรานเซิสเวียร์ (Church of St. Francis Xavier)

โบสถ์แห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2399 ตัวโบสถ์มีความสวยงามคล้ายๆที่ยุโรป มีขนาดใหญ่ สวยงาม


ด้านหน้ามีความสวยงาน น่ามาถ่ายรูปเก็บไว้


ภายในกำลังมีการทำพิธิกรรมบางอย่างอยู่ 


ด้านข้างจะมีรูปปั้นนักบวช ผมเองก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร

โบสถ์ เซนปอล (St. Paul's Hill & Church)

โบสถ์เก่าแก่ของเมือง สร้างอยู่บนเนินเขา เมื่อขึ้นไปแล้ว สามารถมองเห็นวิวเมืองที่สวยงาม และเห็มวิวทะเลได้ด้วยครับ โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างเมื่อปี ค.ศ.1521 เป็นโบสถ์ที่ใช้งานมาก่อน ก่อนที่โบสถ์คริสต์จะถูกสร้างเสร็จ

หน้าโบสถ์จะมีรูปปั้นของนักบวชชื่อว่า Saint Francis Xanvier


สภาพของอาคารที่ยังอยู่ในสภาพที่ดี


บางวันจะมีนักดนตรีมาเล่นดนตรีเปิดหมวกให้นักท่องเที่ยวฟังกัน 


แผ่นศิราจารึกตั้งแต่สมัยอดีต จะอยู่รอบๆ ของอาคาร


ส่วนของบ่อน้ำเก่า แต่เนื่องจากได้มีนักท่องเที่ยวโยนเหรียญลงไปบ่อย จำงได้มีการกั้นเพื่อความปลอดภัย เมื่อมองลงไปด้านล่าง จะเห็นเงินที่นักท่องเที่ยวบริจากไว้จำนวนมาก

ประตูซานติเอโก

เมื่อเราเดินลงมาด้านล่าง เราจะเจอกับอาคารเก่าๆ อีกจุดนึง นี่คือ ประตูซานติเอโก เป็นประตูที่สร้างโดยชาวโปรตุเกส โดยมีอายุกว่า 150 ปี ต่อมาเมื่อชาวอังกฤษได้เข้ามายึดครองเมืองนี้ จะได้มีการสั่งทำลายกำแพงรอบๆ เมืองทิ้งทั้งหมด แต่โชคดีที่ เซอร์ โทมัส แสตมฟอร์ด ราฟเฟิล ได้เดินทางกลับมาจากสิงคโปร์ ท่านจำงได้สั่งให้ยกเลิกการทำลายทิ้ง จึงทำให้เหลือให้เห็นแค่ประตูซานติเอโกเท่านั้น


หอคอยเมอนารา ทามิง ซารี (Menara Taming Sari)

หอคอยที่ให้นักท่องเที่ยวได้ชมทัศนียภาพของเมืองมะละกา มีความสูง 110 เมตร เราจะมองเห็นถึงช่องแคบมะละกาที่ทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา หอคอยแห่งนี้เป็นหอคอยแห่งแรกของประเทศมาเลเซีย สามารถจุนักท่องเที่ยวได้ 66 คนต่อครั้ง สามารถหมุนได้ 360 องศา อีกด้วย และที่สำคัญเป็นจุดเช็คอินอีกที่ของเมืองก็ว่าได้


หอคอยที่สูงโดดเด่นของเมือง มะละกา


แค่เรายืนอยู่กับที่ ก็สามารถมองเห็นรอบๆตัวเมืองได้เลย

ถนนคนเดินยองเกอร์ (Jonker walk)

ถนนแห่งนี้เป็นเสมือนสวรรค์ของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ โดยไฮไลท์จะอยู่ที่วันศุกร์ วันเสาร์ และ วันอาทิตย์ครับ ในช่วงเวลากลางวันจะมีร้านอาหาร และร้านขายของฝากที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่างซื้อของกัน แต่ตอนกลางคืน จะมีร้านของขายเปิดขายเต็มถนนเลยครับ


ทางเข้า คนค่อนข้างเยอะ และจะมีจุดที่นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปเช็คอิน 


ร้านขนมสายไหม โดยทางร้านจะทำตามสีและรูปร่างที่ลูกค้าต้องการ


อาหารปิ้ง ย่างก็มีให้เลือกครับ


เมื่อเดินมาจนสุดถนน เราก็จะเห็นเวทีที่มีไว้สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการอยากจะร้อง Karaoke  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพลงจีนแบะจังหวะสบายๆ

ในส่วนของที่พัก ผมได้เข้าพักที่ เป็นโรงแรม Kings Green Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ซึ่งมีจำนวน 7 ชั้น และมีห้องพักทั้งหมด 151 ห้อง

โรงแรมตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดท่องเที่ยวมากนัก ราคาก็ไม่แพงด้วย ระยะจากโรงแรมไปถึงตัวเมือง โดยประมาณ 2.5 กิโลเมตร สามารถเดินไปยังจุดท่องเที่ยวของตัวเมืองได้สะดวก 


โรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เช่น โทรทัศน์ ฟรี Wi- Fi ห้องปลอดบุหรี่ ห้องพักขนาดใหญ่ ที่จอดรถสะดวกสบาย และระบบรักษาความปลอดภัน 24 ชม. 



เช็คอินได้ตั้งแต่ : 3:00 PM
เวลาเช็คเอาท์ 12:00 PM
ฟรีค่าที่จอดรถ.

ยังไงก็หวังว่าข้อมูลจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังจะเตรียมตัวไปเที่ยวที่เมืองแห่งนี้กันนะครับ ผมขอจบแค่นี้ก่อน ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมยังไง จะมาอัฟเดทให้เพื่อนๆ ได้ติดตามกันครับ




















ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้